ลิเวอร์พูล รักษามาตรฐานที่ยอดเยี่ยมหลังเปิดรังแอนฟิลด์เฉือน เชลซี 2-1 ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยชัยชนะทำให้ “หงส์แดง” โบยบินยึดจ่าฝูงคืนจากแมนซิตี้สำเร็จ
ลิเวอร์พูล มีการปรับทีมพอสมควรโดยตำแหน่งนายทวารจำเป็นต้องส่ง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ทำหน้าที่แทน อลีสซง เบ็คเกอร์ ที่มีปัญหาบาดเจ็บ ส่วนแดนกลาง เคอร์ติส โจนส์ ได้โอกาสลงตัวจริง เช่นเดียวกัน โกดี้ คักโป ที่จะได้โชว์ลีลาทางริมเส้นฝั่งซ้าย ขณะที่ เชลซี ต้องบอกว่าน่าตื่นเต้นมากๆ เมื่อ ริซ เจมส์ ลงสนามเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี
ช่วง 10 นาทีแรกทั้งสองทีมเล่นแบบดูเชิงกันเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ยังไม่มีโอกาสสร้างความหวาดเสียวมากนัก โดย ลิเวอร์พูล พยายามอาศัยการตัดบอล และเปิดเกมส่วนกลับ แต่ก็ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพมากนัก
หลังจากนั้นทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” ครองบอลได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เจ้าบ้านแทบไม่มีโอกาสได้สร้างเกมรุกที่ถนัดมากเท่าไหร่นัก แต่กระนั้นทั้งสองทีมก็ยังไม่มีจังหวะหวาดเสียวอะไรเลยหลังจากผ่านไป 20 นาที
ลิเวอร์พูล ได้จุดโทษจากการเตะพรวดพราดของ โคลวิลล์ ที่เตะ โจนส์ ลงไปนอนกลิ้งในเขตโทษ และ โม ซาลาห์ จัดการซัดเข้าประตูไม่เหลือซาก ส่งให้เจ้าบ้านขึ้นนำไปก่อน 1-0 ในนาทีที่ 28
“หงส์แดง” มีลุ้นอีกครั้งจากจังหวะส่วนกลับ ดาร์วิน นูนเญซ ผ่านบอลยาวให้ คักโป ได้โอกาสล็อกหลบแนวรับ เชลซี ก่อนจะผ่านบอลทะลุช่องให้ โดมินิค โซโบซไล ที่ยิงไม่ค่อยถนัดทำให้บอลพุ่งเข้าซอง โรเบิร์ต ซานเชซ แบบสบายๆ
จังหวะการสวนกลับของเจ้าบ้านโดดเด่นมากๆ โดยพวกเขามาได้จุดโทษจากจังหวะที่ นูนเญซ แทงบอลให้ โจนส์ ในเขตโทษ และ ซานเชซ พุ่งเข้ามาปะทะทำให้กรรมการเป่าเป็นจุดโทษในตอนแรก แต่หลังเช็ควีเออาร์แล้วมีการยกเลิกไป จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0
ครึ่งแรก ลิเวอร์พูล 1 เชลซี 0
เริ่มครึ่งหลังได้เพียงสองนาที เชลซี ได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็ว จากจังหวะที่ นิโคลัส แจ็คสัน หลุดกับดักเช็คล้ำหน้า และส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายอย่างงดงามทำให้ “สิงโตน้ำเงินคราม” ตีเสมอ 1-1 ได้อย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามในนาทีที่ 51 ลิเวอร์พูล กลับมาแซงนำ 2-1 ได้อีกครั้ง เมื่อ โม ซาลาห์ โชว์วิสันทัศน์เปิดบอลแบบคิลเลอร์พาสให้ โจนส์ ที่วิ่งมาจากด้านหลังไม่ล้ำหน้า และจัดการแตะบอลผ่าน ซานเชซ เข้าประตูไป
หลังจากนั้น เชลซี พยายามเปิดเกมรุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และได้ครองบอลมากกว่า ลิเวอร์พูล ขณะที่ “เดอะ เร้ดส์” ต้องรอจังหวะฉาบฉวยเพื่อสวนกลับ แต่ยังขาดความแม่นยำ ทำให้เกมช่วงนี้ยังไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นมากนัก
ช่วงเวลาที่เหลือ เชลซี พยายามวิ่งไล่กดดัน ลิเวอร์พูล อย่างหนัก แต่ “หงส์แดง” เล่นเกมรับเหนียวแน่น และสามารถรักษาสกอร์ได้สำเร็จ จบเกม ลิเวอร์พูล ชนะด้วยสกอร์ 2-1 คว้าสามคะแนนสำคัญแซง แมนซิตี้ ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงอีกครั้ง
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล (4-2-3-1) : ควีวิน เคลเลเฮอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (โจ โกเมซ น. 81), อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ; ไรอัน กราเฟนแบร์ก, เคอร์ติส โจนส์ (อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น. 81) ; โดมินิค โซโบซไล, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โกดี้ คักโป (หลุยส์ ดิอาซ น.66) ; ดีโอโก้ โชต้า (ดาร์วิน นูนเญซ น. 30)
เชลซี (4-3-3) : โรเบิร์ต ซานเชซ, ริซ เจมส์ (เรนาโต้ เวก้า น.53) , โทซิน อดาราบิโอโย (เบอนัวต์ บาเดียชิล น.53) , ลีวาย โคลวิลล์, มาโล่ กุสโต้ ; โรเมโอ ลาเวีย (เอ็นโซ เฟร์นานเดส น.53), มอยเซส ไกเซโด้, โคล พาลเมอร์ ; โนนี่ มาดูเอเก้ (คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู น. 76), เจดอน ซานโซ่ (เนโต้ น.46) , นิโคลัส แจ็คสัน