ด้วยเหตุนี้ พ่อค้าแข้งของทีม เรือใบสีฟ้า จึงคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พรีเมียร์ลีก ตลอดสี่ปีหลังที่พวกเขาได้แชมป์ลีกเมืองผู้ดีไปครอง
เท่านั้นไม่พอ ในซีซั่นก่อนหน้านั้น 2019/20 ที่ ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จ เควิน เดอ บรอยน์ สตาร์ทีม เรือใบสีฟ้า ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พรีเมียร์ลีก เช่นกัน มันจึงหมายความว่าสตาร์ของถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ได้เดินขึ้นโพเดียมตลอดห้าปีหลังทั้ง รูเบน ดิอาส , เดอ บรอยน์ (หนสอง) , เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ และ ฟิล โฟเด้น
อย่างไรก็ดี หลังจากศึก พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ผ่านไปเจ็ดนัดโดยที่ ลิเวอร์พูล รั้งตำแหน่งจ่าฝูงก่อนก้าวเข้าสู่ช่วงเบรกเกมทีมชาติ นักเตะค่าย หงส์แดง สองรายมีแรงกิ้งที่ดีที่สุดในหมู่ห้านักเตะที่มีโอกาสได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีซีซั่นนี้
5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์
น่าจะบอกได้ว่าซีซั่นนี้ ซาลาห์ ร่ายเพลงแข้งได้อย่างท็อปฟอร์มอีกครั้งแม้กำลังจะหมดสัญญากับสโมสรในซัมเมอร์หน้า แถมยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่
แม้จะมีอายุมากขึ้นทุกทีปาเข้าไป 32 ปีแล้ว แต่ คิง ออฟ อียิปต์ ยังล่าตาข่ายได้อย่างอันตรายไม่เลิก และยังเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดของ พรีเมียร์ลีก จนถึงตอนนี้
จากเจ็ดเกมที่ผ่านมา ซาลาห์ คลำเป้าเป็นรองแค่ หลุยส์ ดิอาซ รายเดียว (5 ประตู) แต่หากนับรวมทุกรายการ บังโม นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของสโมสร 6 ประตู (4 ประตูใน พรีเมียร์ลีก) แถมสตาร์ไอยคุปต์แอสซิสต์ใน พรีเมียร์ลีก ได้ 4 ประตูเช่นกัน
4. เออร์ลิ่ง ฮาลันด์
คงต้องขยี้ตากันไม่น้อยที่ ฮาลันด์ รั้งอันดับสี่ทั้งๆที่เขานำหน้าเป็นดาวซัลโวของ พรีเมียร์ลีก ในซีซั่นนี้
แม้ซีซั่นจะเพิ่งออกสตาร์ต แต่กองหน้าทีมชาติ นอรเวย์ ตะบันไปแล้ว 10 ประตูโดยมีแฮททริคสองหนในเกมบู๊กับ อิปสวิช และ เวสต์แฮม
แม้จะสอยตาข่ายไม่ได้ในนัดดวลกับ นิวคาสเซิ่ล และ ฟูแล่ม แต่หัวหอกร่างยักษ์มีโอกาสสูงที่จะซิวรองเท้าทองคำได้อีกสมัยเป็นปีที่สามติดต่อกันนับตั้งแต่เขาย้ายมาอาละวาดในลีกเมืองผู้ดี
กระนั้นก็ดี สิ่งที่ต้องจับตาดูคือ ฮาลันด์ จะกระหน่ำประตูพาทีม แมนฯ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกเป็นสมัยที่ห้าติดต่อกันได้หรือไม่เนื่องจากพวกเขาปราศจาก โรดรี้ มิดฟิลด์คนสำคัญไปตลอดทั้งซีซั่นจากปัญหาล้มเจ็บยาว
3. โคล พาลเมอร์
โฟเด้น ได้ตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยม พรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อน แต่มีข้อโต้แย้งจากผู้สันทัดกรณีว่ารางวัลดังกล่าวน่าจะตกเป็นของ พาลเมอร์
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะกองกลางทีมชาติ อังกฤษ สร้างความฮือฮาด้วยการยิงประตูเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ เชลซี และเป็นรองแค่ ฮาลันด์ เพียงรายเดียว
อย่างไรก็ดี ซีซั่นนี้ พาลเมอร์ ยังมีผลงานที่ร้อนแรงโดยเด็กปั้นของทีม เรือใบสีฟ้า ทำแฮททริคแอสซิสต์ในเกมห้ำหั่นกับ วูล์ฟส์ และตะบันสี่เม็ดนัดดวลกับ ไบรท์ตัน สร้างชื่อเป็นนักเตะคนแรกใน พรีเมียร์ลีก ที่ยิงได้สี่ตุงตั้งแต่ครึ่งแรก
2. บูคาโย่ ซาก้า
แม้ อาร์เซน่อล จะไม่มี มาร์ติน โอเดอการ์ด ในตอนนี้ แต่พวกเขายังมี ซาก้า ที่เป็นตัวทีเด็ดของทีม
จากเจ็ดนัด ปีกขวาทีม ปืนใหญ่ มีผลงานเจ็ดแอสซิสต์ และเป็นอีกปีที่ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนมีลุ้นคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ไม่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น ซาก้า เองประกาศอย่างมั่นใจเมื่อไม่นานมานี้ว่าเขาเชื่อว่าปีนี้จะเป็นปีของ เดอะ กันเนอร์ส อย่างแน่นอนแม้ถึงตอนนี้ ลิเวอร์พูล จะรั้งตำแหน่งจ่าฝูงอยู่ก็ตาม
1. เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าซีซั่นนี้ ไรอัน กราเฟนแบร์ก เป็นนักเตะของ ลิเวอร์พูล ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเปล่งปลั่งที่สุดหลังถูก อาร์เน่อ สล็อต เจ้านายคนใหม่ย้ายให้มารับบทหมายเลขหก
อย่างไรก็ดี จากผลงานชนะรวดและแพ้แค่เกมเดียวในลีกซีซั่นนี้ แถมเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดแค่สองประตูจากเจ็ดนัดย่อมเป็นผลมาจากความแข็งแกร่งของแผงหลัง
เอ่ยออกมาอย่างนี้จึงแน่นอนว่า ฟาน ไดค์ ยังเป็นหัวใจสำคัญสำหรับเกมรับของ หงส์แดง เนื่องจากเขาไม่เคยปล่อยให้หัวหอกฝ่ายตรงข้ามหลุดมาสอยตาข่ายได้ง่ายๆ
เอาเป็นว่าหลังหมดช่วงเบรกเกมทีมชาติ ลิเวอร์พูล จะเจอกับโปรแกรมหนักทั้งเกมดวลกับ เชลซี , อาร์เซน่อล , แอสตัน วิลล่า และ ไบรท์ตัน ซึ่งมันจะเป็นบทพิสูจน์ชั้นยอดว่าปราการหลังทีมชาติ เนเธอร์แลนด์ คู่ควรกับการคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้หรือไม่