ทุกคนต้องมีครั้งแรกอย่างที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เอ่ยออกมาหลังพา แมนซิตี้ แพ้รวดสี่นัดติดต่อกันเป็นครั้งแรกในอาชีพผู้จัดการทีมของเขา
หลังบุกไปโดน ไบรท์ตัน ซัดสองประตูแซงชนะ 2-1 เรือใบสีฟ้า ก็ถูก ลิเวอร์พูล ทำแต้มหนีไปห้าแต้ม ขณะที่ร้านรับพนันพากันหันมายกให้ เร้ด แมชีน กระโดดเป็นเต็งแชมป์ พรีเมียร์ลีก เรียบร้อยแล้ว
แม้กุนซือสแปนิชจะเลือกมองในแง่ดีว่าการฟาดแข้งเพิ่งผ่านมาถึงเดือนพ.ย.เท่านั้น แต่ด้วยฟอร์มที่แตกต่างกันของแชมป์เก่า และ ลิเวอร์พูล ในกำมือของ อาร์เน่อ สล็อต มันจึงทำให้ใครหลายคนอดคิดไม่ได้ว่าทีมเงินถังน่าจะตกระกำลำบากเข้าให้จริงๆหลังปราศจาก โรดรี้ มิดฟิลด์คนสำคัญที่เจ็บหนัก
ไม่เพียงศึก พรีเมียร์ลีก แมนฯ ซิตี้ ยังบุกไปแพ้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 4-1 ในศึก แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งๆที่พวกเขาได้ประตูก่อนเช่นกัน มันจึงแสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในซีซั่นนี้ของ เรือใบสีฟ้า ซึ่งเสียสถิติไม่แพ้เกมหูใหญ่นาน 30 นัดติดต่อกันลงแล้ว
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะซีซั่นนี้ทีมของ กวาร์ดิโอล่า ประสบกับปัญหามีนักเตะล้มเจ็บหลายราย
แต่นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเด็นที่พวกเขาสมควรต้องแก้ไขให้ได้หากหวังครองความยิ่งใหญ่ดังเดิม
1. ประสิทธิภาพในแดนกลางตกต่ำ
ไม่ใช่ความลับเลยที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่ใช่ทีมเดิมนับตั้งแต่พวกเขาเสีย โรดรี้ ยอดกองกลางทีมชาติ สเปน ซึ่งส่งผลให้ทีมปราชัยสี่เกมรวดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ยุคที่มี สจ๊วร์ต เพียร์ซ เป็นนายใหญ่
เทียบจากซีซั่นก่อนตอนที่มี โรดรี้ เป็นคีย์แมน ทีมตราเรือใบมีเปอร์เซนต์การครองบอลเฉลี่ยสูงถึง 73.6% แต่ยามนี้ซึ่งไม่มีดาวเตะกระทิงดุ ตัวเลขดังกล่าวลดลงเหลือ 58.3%
“ไม่มีทางแน่ที่ ซิตี้ จะแพ้สี่นัดรวดหากพวกเขามี โรดรี้ ลงเล่น” เจมี่ เร้ดแนปป์ อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล เอ่ยในฐานะคอมเมนเตเตอร์
จากการปราศจากเจ้าของรางวัล บัลลงดอร์ แผงกลางของ เรือใบสีฟ้า จึงเปิดช่องโหว่ให้ฝ่ายตรงข้ามตอบโต้ได้บ่อยครั้ง กระทั่งโดน นกนางนวล ทำแสบในเกมล่าสุด
แม้ไม่มีใครปฏิเสธว่า แมนฯ ซิตี้ มีกองกลางประสบการณ์สูงทั้ง มาเตโอ โควาซิช และ อิลคาย กุนโดกัน แต่ไม่มีใครทดแทน โรดรี้ ได้เลยต่อการทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งทั่วแผ่น
“เมื่อคุณสูญเสียกองกลางที่ดีที่สุดในยุโรป มันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะเล่นกับพวกเขาในตอนนี้ สำหรับผม พวกเขาเพรสได้ไม่ดีเหมือนก่อน” ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตแบ็คขวา แมนฯ ซิตี้ ลงความเห็น
2. พึ่ง ฮาลันด์ มากไป
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ กองหน้าทีมชาติ นอรเวย์ ยังสอยตาข่ายในซีซั่นนี้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ในอีกแง่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่ แมนฯ ซิตี้ พึ่งพาเขาเป็นหลักในการยิงประตูคู่แข่ง
ถึงตอนนี้ ศูนย์หน้าร่างยักษ์สร้างสถิติใหม่ของ พรีเมียร์ลีก ขึ้นมาได้หมาดๆอีกชิ้นแล้วในฐานะนักเตะที่ยิงได้ 75 ประตูในเวลาที่เร็วที่สุดโดยซีซั่นนี้เขาเช็กบิลไปแล้ว 12 เม็ดจาก 11 นัด
ฉะนั้นแล้วจึงไม่แปลกที่ แมนฯ ซิตี้ สามารถพึ่งพา ฮาลันด์ ได้เสมอ แต่หากเขาฟอร์มตกเมื่อไหร่ เรือใบสีฟ้า จะยิ่งลำบาก
อย่างซีซั่นนี้ ฟิล โฟเด้น ที่มีผลงานโดดเด่นมาตลอดในหลายซีซั่นเริ่มแผลงฤทธิ์ไม่ออก และมันทำให้ภาระหนักตกอยู่กับ ฮาลันด์ คนเดียว
ถัดจาก ฮาลันด์ แล้วดาวซัลโวใน พรีเมียร์ลีก อันดับรองลงมาของทีมได้แก่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล และ โควาซิช ซึ่งซัดได้สามเม็ดเท่ากัน ตามด้วย จอห์น สโตนส์ สองประตูซึ่งถือเป็นเรื่องผิดปกติมากสำหรับ แมนฯ ซิตี้
ทางที่ดี กวาร์ดิโอล่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปลุก โฟเด้น ให้กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้โดยเร็วเหมือนซีซั่นก่อนที่เขาคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ พรีเมียร์ลีก จากผลงาน 19 ประตู
3. แนวรับอ่อนยวบ
เทียบกับ ลิเวอร์พูล ซึ่งไม่มีนักเตะใหม่ในซีซั่นนี้ แต่ สล็อต คุมทีมเสียประตูในเกมลีกแค่ 6 ลูกจาก 11 นัด แมนฯ ซิตี้ จึงด้อยกว่าอย่างชัดเจน
ถึงตอนนี้ เรือใบสีฟ้า เสียประตูในเกมลีก 13 เม็ดเท่ากับ เชลซี และมากกว่า อาร์เซน่อล ทีมอันดับสี่หนึ่งเม็ด แม้พวกเขาจะยิงประตูได้มากที่สุด 22 ตุงเหนือกว่า หงส์แดง หนึ่งตุง
และด้วยเกมรับที่มีมาตรฐานตกลงไปนี่เองที่ทำให้พวกเขาแพ้รวดในสี่นัดที่ผ่านมาแม้ทั้งหมดจะเป็นการเล่นนอกบ้านก็ตาม
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ กวาร์ดิโอล่า เลือกใช้งาน จาห์ไม ซิมพ์สัน พิวซีย์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเด็กปั้นวัย 19 ปีลงเล่นเป็นตัวจริงในสองเกมหลังด้วย และมันกลายเป็นว่าเจ้าหนูเป็นบ่อน้ำมันชั้นยอดจากอ่อนประสบการณ์ที่อ่อนด้อย และยังไม่ถึงกับปีกกล้าขาแข็งมากพอที่จะลงเล่นเกมใหญ่ทั้งๆที่ทีมมี นาธาน อาเก้ กับ มานูเอล อาคันจี นั่งเป็นตัวสำรองโดยกุนซือสกินเฮดยืนยันว่าทั้งสองไม่ฟิตมากพอ
ต่อปัญหาดังกล่าว มันเป็นผลพวงมาจากการขาด โรดรี้ เช่นกันเนื่องจาก แมนฯ ซิตี้ ไม่มีกองกลางตัวรับคอยทำหน้าที่ปัดกวาดบอลอันตรายหน้ากรอบเขตโทษ
4. สภาพจิตใจ
ไม่บ่อยที่ แมนฯ ซิตี้ ตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้หากพวกเขานำหน้าก่อน แต่มันเกิดขึ้นแล้วสองนัดติดในเกมปะทะกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน และ ไบรท์ตัน
ไม่เพียงเท่านั้น ก่อนหน้านี้ แมนฯ ซิตี้ เสียประตูให้คู่แข่งก่อนตั้งแต่ต้นเกมเช่นกันทั้งนัดบุกไปพิชิต อิปสวิช 4-1, นัดเปิดรังแซงชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1 , นัดออกไปชนะ วูล์ฟส์ 2-1 และนัดออกไปแพ้ บอร์นมัธ 2-1 ซึ่งไม่ใช่เรื่องดี และมันมองดูไม่เหมือนทีมที่ครองตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ลีก เอาซะเลย
ดูไปดูมา มันอาจสะท้อนให้เห็นถึงสภาพจิตใจของนักเตะที่ไม่มีความเยือกเย็นเหมือนก่อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวะทีเด็ดทีขาดที่สมควรต้องได้ประตู แมนฯ ซิตี้ ทิ้งขว้างมันไปไม่น้อยแม้พวกเขาจะยังสร้างโอกาสได้มากเช่นเดิม
ต่อกรณีนี้ ฮาลันด์ ขึ้นแท่นเป็นนักเตะใน พรีเมียร์ลีก ที่ทิ้งโอกาสมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเทียบกับความน่าจะเป็นของการได้ประตูแม้เขาจะยังคลำเป้าได้อย่างต่อเนื่อง
แต่ก็นั่นแหละ หากดาวยิงร่างยักษ์พลาดโอกาสทองให้น้อยลงกว่านี้ แมนฯ ซิตี้ ก็น่าจะมีประตูมากขึ้น และมันอาจทำให้พวกเขาไม่แพ้สี่นัดรวดอย่างที่เห็น
5.ไร้ตัวแทน อัลวาเรซ
แมนฯ ซิตี้ ปิดดีลได้อย่างยอดเยี่ยมหลังขาย ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ให้กับ แอตเลติโก มาดริด ในราคามหาศาล 82 ล้านปอนด์ทำกำไรได้มากถึง 68 ล้านปอนด์
อย่างไรก็ดี มันกลายเป็นความผิดพลาดที่พวกเขาไม่ใช้เงินก้อนดังกล่าวหาตัวแทนกองหน้าทีมชาติ อาร์เจนติน่า หลังเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่แค่สองรายคือ ซาวินโญ่ และ กุนโดกัน คนหน้าเดิม
แม้จะแย่งตำแหน่งกองหน้าตัวจริงไปจาก ฮาลันด์ ไม่ได้ แต่ศูนย์หน้าวัย 24 ปีมีผลงานที่ดีกับถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ตั้งแต่ซีซั่นแรกหลังย้ายมาจาก ริเวอร์ เพลท กับการตะบันประตูได้ 17 ประตูจาก 49 นัดในทุกรายการโดยแบ่งได้เป็น 14 ประตูในฐานะตัวจริง 22 นัด
จากนั้นในซีซั่นที่สองซึ่ง เรือใบสีฟ้า ปราศจาก เควิน เดอ บรอยน์ ไปนาน อัลวาเรซ มีผลงานดีขึ้นไปอีกจากการคลำเป้าได้ 17 เม็ดและ 11 แอสซิสต์
แน่นอนว่าไม่มีใครตำหนิ เรือใบสีฟ้า ที่ขายสตาร์เลือดฟ้าขาวเพื่อทำกำไรโดยเฉพาะสาวกของทีมที่มองว่าเป็นดีลที่ยอดเยี่ยม
หากแต่ความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงคือพวกเขาไม่ได้คว้าตัวแทน อัลวาเรซ มาอุดช่องโหว่แม้แชมป์เมืองผู้ดีจะจองตัว เคลาดิโอ เอเชเวอร์รี่ กองหน้าเด็กปั้นของ ริเวอร์ เพลท อีกรายเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ต้องรอคว้าตัวในเดือนม.ค.เนื่องจากต้องรอให้ดาวรุ่งเลือดฟ้าขาวมีอายุครบ 19 ปีบริบูรณ์ซะก่อน
กระนั้นก็ดี มองกันที่ตำแหน่ง เอเชเวอร์รี่ จะยืนต่ำกว่า อัลวาเรซ เล็กน้อย และในรอบปฏิทินปีนี้เขายิงได้แค่ 4 ประตูจาก 39 นัด มันจึงไม่น่าจะการันตีตำแหน่งของเขาในทีม แมนฯ ซิตี้ แบบทันทีทันใด
แน่นอนว่าหาก เรือใบสีฟ้า หวังพลิกฟื้นคืนฟอร์มให้ได้ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป พวกเขาก็น่าจะลงทุนอีกหนด้วยการคว้ากองหน้าฝีเท้าดีมาเสริมทัพในเดือนม.ค.เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระให้กับ ฮาลันด์ ไปในตัวด้วย