ลิเวอร์พูล (อันดับ 1 : แข่ง 7 นัด มี 18 แต้ม)
– วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม : VS เชลซี (เหย้า)
– วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม : VS อาร์เซน่อล (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน : VS ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (เหย้า)
– วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน : VS แอสตัน วิลล่า (เหย้า)
– วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน : VS เซาธ์แฮมป์ตัน (เยือน)
ถือว่าหนักเอาเรื่องเลยทีเดียว และน่าจะเป็นช่วงที่สามารถชี้วัดได้เลยว่า “หงส์แดง” ยุคกุนซือ อาร์เนอ สล็อต ดีพอลุ้นแชมป์ลีกซีซั่นนี้ได้แบบจริงๆ จังๆ หรือไม่ เพราะช่วงนี้ต้องเจอกับทั้ง เชลซี, อาร์เซน่อล และ แอสตัน วิลล่า แต่โชคดีหน่อยตรงที่ 3 จาก 5 เกม เป็นการได้เล่นที่ แอนฟิลด์ ดังนั้นหากได้สักราวๆ 10-13 แต้ม จากช่วงนี้ ถือว่าน่าพอใจแล้ว แต่ถ้าต่ำกว่า 7 หรือ 8 แต้ม อันดับอาจจะรูดลงแบบยาวๆ ได้เลย
———-
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 2 : แข่ง 7 นัด มี 17 แต้ม)
– วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม : VS วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม : VS เซาธ์แฮมป์ตัน (เหย้า)
– วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน : VS บอร์นมัธ (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน : VS ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน : VS ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (เหย้า)
เห็นโปรแกรมแล้ว กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงลูบปาก พร้อมกับคิดในใจว่า “หวานเจี๊ยบ!!!” เพราะถือเป็นช่วงที่ทีมเจองานเบา หนักสุดคือการดวล สเปอร์ส ซึ่งก็เป็นการได้เล่นที่บ้านตัวเองอีก ดูแล้วโกยเต็มลิมิต 15 แต้มแน่ๆ ต่ำกว่านี้ถือว่าน่าผิดหวัง
———-
อาร์เซน่อล (อันดับ 3 : แข่ง 7 นัด มี 17 แต้ม)
– วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม : VS บอร์นมัธ (เยือน)
– วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม : VS ลิเวอร์พูล (เหย้า)
– วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน : VS นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เยือน)
– วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน : VS เชลซี (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน : VS น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (เหย้า)
ช่วงนี้ถือว่าเจอทั้งงานยากและง่ายสลับกันไป สำหรับทีมของกุนซือ มิเกล อาร์เตต้า แต่ถ้าอยากจะเกาะกลุ่มบนต่อไปเรื่อยๆ ก็ไม่ควรได้ต่ำกว่า 11 หรือ 12 แต้ม จากห้าเกมนี้ ต่อให้ต้องเจอกับของแข็งอย่าง ลิเวอร์พูล, เชลซี และ นิวคาสเซิ่ล
———-
เชลซี (อันดับ 4 : แข่ง 7 นัด มี 14 แต้ม)
– วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม : VS ลิเวอร์พูล (เยือน)
– วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม : VS นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด (เหย้า)
– วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน : VS แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (เยือน)
– วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน : VS อาร์เซน่อล (เหย้า)
– วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน : VS เลสเตอร์ ซิตี้ (เยือน)
หากมองแบบภาพรวมในโปรแกรม 5 เกมข้างหน้า ถือว่า เชลซี เจองานหนักสุดเลยก็ว่าได้ เพราะต้องเยือนทั้ง ลิเวอร์พูล และ แมนยู แถมยังจะต้องเจอกับ นิวคาสเซิ่ล และ อาร์เซน่อล ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งต่างเป็นเกมที่มีโอกาส “คาบ้าน” เช่นกัน นับว่าเป็นช่วงพิสูจน์ฝีมือกุนซือ เอ็นโซ มาเรสก้า อย่างแท้จริง หากช่วงห้าเกมนี้ ได้ไม่ต่ำกว่า 9 หรือ 10 แต้ม ถือว่าหรูมากๆ แล้ว แต่มีแววสูงทีเดียว ที่อาจจะได้เต็มที่แค่ 6 หรือ 7 แต้ม
———-
แอสตัน วิลล่า (อันดับ 5 : แข่ง 7 นัด มี 14 แต้ม)
– วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม : VS ฟูแล่ม (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม : VS บอร์นมัธ (เหย้า)
– วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน : VS ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน : VS ลิเวอร์พูล (เยือน)
– วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน : VS คริสตัล พาเลซ (เหย้า)
ทีมของกุนซือ อูไน เอเมรี่ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ฤดูกาลนี้พวกเขายังคงแข็งแกร่ง แต่ช่วงโปรแกรม 5 เกมต่อจากนี้ ถือว่าไม่ง่าย แต่ก็ไม่หนักจนเกินไป ซึ่งแน่นอนว่า งานยากคือการออกไปเยือน สเปอร์ส และ ลิเวอร์พูล แบบติดๆ กัน ซึ่งหากไม่แพ้กลับออกมาทั้งสองเกมนี้ ถือว่าสำเร็จ ดังนั้น “สิงห์ผงาด” ควรจะมี 10 แต้มเป็นอย่างน้อย หากหวังอยู่โซนบนของตารางคะแนนยาวๆ
